ในฐานะคนของเผ่าโนไท ชนเผ่าเร่ร่อนที่ตระเวนไปทั่วทั้งดินแดนเฟรย์ลยอร์ดมาเป็นเวลายาวนาน นูนู่ได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งจากเลย์ก้า มารดาของเขา ว่าทุกสรรพสิ่งล้วนมีเรื่องราวเล่าขานอยู่เบื้องหลังเสมอ พวกเขาจะช่วยกันเก็บรวบรวมเรื่องราวเหล่านั้น ก่อนที่เลย์ก้าจะเรียบเรียงพวกมันออกมาเป็นบทเพลง สำหรับนูนู่แล้ว ไม่มีสิ่งใดจะยอดเยี่ยมไปกว่าการได้เดินทางจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งไปสู่อีกแห่ง ฟังมารดาของเขาร่ายลำนำถึงเหล่าวีรชนแห่งอดีตกาล เมื่อสายลมแห่งเหมันต์เริ่มแวะเวียนมาทักทาย พวกโนไทก็จะมอบการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายให้แก่บรรดาผู้คนที่พวกเขาพานพบด้วยเสียงดนตรีและการเต้นรำ
กระแสธารเยือกแข็งจากปีกแห่งอนิเวียนำทาง หัวใจของเด็กชายโลดเต้นด้วยท่วงทำนองอันแสนรื่นรมย์ โลกของนูนู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้อันไม่สิ้นสุด
ในวันครบรอบวันตั้งชื่อครั้งที่ห้าของเขา เลย์ก้าได้มอบของขวัญสุดพิเศษชิ้นหนึ่งให้แก่นูนู่ มันคือขลุ่ยอันหนึ่ง เพื่อที่เด็กชายจะสามารถเรียนรู้วิธีบรรเลงท่วงทำนองของเธอด้วยตัวเขาเอง ทั้งสองคนขลุกอยู่ด้วยกันตลอดเวลาในรถลากอันแสนอบอุ่น พากันไล่ตามท่วงทำนองอันเป็นแก่นหัวใจแห่งบทเพลงของเลย์ก้า ซึ่งจดบันทึกเรื่องราวจากทุกสถานที่ที่พวกเขาเคยผ่านพบมาด้วยกันตลอดเดือนและปีที่ล่วงผ่าน
เมื่อขบวนคาราวานถูกพวกกองโจรจู่โจม นูนู่และมารดาของเขาถูกพรากออกจากกัน เด็กชายถูกนำตัวไปยังที่ปลอดภัยโดยกองกำลังฟรอสท์การ์ด พวกเด็กๆ ชาวโนไทที่รอดชีวิตล้วนถูกนำตัวไปยังหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ ป้อมปราการหอคอยของกองกำลัง นูนู่ถูกทอดทิ้งให้จมอยู่ในความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมารดาของเขาหลังจากนั้น และได้แต่คอยเงี่ยหูเพื่อค้นหาบทเพลงของเธอในสายลม
หิมะโปรยปราย สัปดาห์เคลื่อนผ่าน
นูนู่ได้แต่โหยหามารดาของเขาอย่างสิ้นหวัง แต่พวกฟรอสท์การ์ดยืนกรานว่าการที่เด็กตัวเล็กๆ อย่างเขาจะออกไปตามหามารดาที่ข้างนอกนั่นมันเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป พวกฟรอสท์การ์ดไม่ใส่ใจด้วยซ้ำตอนที่เด็กชายแสลงขลุ่ยของเขาให้ดู ขลุ่ยซึ่งบัดนี้ถูกขนานนามว่า สเวลล์ซองเกอร์ นามแห่งดาบอันทรงพลังซึ่งอุปโลกน์ขึ้นมาเพียงในจินตนาการของตัวเด็กชายเองเท่านั้น
นูนู่จมลึกลงไปในความโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกขณะ หลบหนีเข้าไปยังบทเพลงของมารดา ตำนานแห่งวีรชนในกาลก่อน เด็กชายปรารถนาที่จะเป็นเช่นเดียวกับบรรดาวีรชนเหล่านั้น เป็นนักรบเช่นเดียวกับพวกฟรอสท์การ์ด ผู้มีความสามารถพอจะช่วยเหลือมารดาของเขาเอาไว้ได้ เด็กชายถึงกับหาญกล้าไปเข้าพบกับผู้นำของกองกำลัง ลิสซานดรา ผู้ซึ่งตั้งคำถามนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับข้อมูลของลำนำที่มารดาเขาครอบครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลของบทเพลงที่เฉพาะเจาะจงบทหนึ่ง
ไม่มีใครเชื่อสักนิดว่านูนู่จะเป็นเช่นวีรบุรุษอย่างที่เขาฝันไว้ได้ ไม่แม้แต่พวกเด็กๆ ชาวโนไทด้วยกัน เด็กพวกนั้นมักจะล้อเลียนนูนู่เรื่องที่เขาเอาแต่เล่นอยู่กับขลุ่ยในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันหันไปจับมีดกันหมดแล้ว แต่นูนู่นั้นรู้จักท่วงทำนองของหัวใจตนเองเป็นอย่างดี และในคืนหนึ่ง เด็กชายก็คิดหาวิธีที่จะสามารถพิสูจน์ตัวเองและทำให้พวกฟรอสท์การ์ดยอมหาทางช่วยค้นหามารดาของเขาขึ้นมาได้สำเร็จ
เด็กชายได้เรียนรู้เรื่องหนึ่งมาจากลิสซานดรา เรื่องของอสูรร้ายซึ่งคอยเข่นฆ่าสังหารมันทุกผู้ที่มุ่งหมายในพลังอำนาจของมัน ต้านขวางเหล่าฟรอสท์การ์ดซึ่งถูกส่งออกไปในแต่ละปี และไม่ปล่อยให้ผู้ใดเหลือรอดกลับมาเลย นูนู่จดจำได้ถึงบทเพลงหนึ่งที่มารดาของเขาเคยขับขาน… นั่นจะเป็นบทเพลงที่ลิสซานดราเฝ้าถามถึงอยู่เสมอหรือเปล่าหนอ? ในเฉียบพลันทันใดนั้นนูนู่ก็ตระหนักรู้แน่แก่ใจของเขา ลิสซานดราปรารถนาจะเรียนรู้เรื่องราวของอสูรเยตินั่นเอง
นูนู่ได้ล่วงรู้ตัวตนของสัตว์ร้ายนั้นแล้ว มันจะต้องตอบรับการท้าทายของเขา และจากนั้นมันจะได้สัมผัสถึงความพิโรธแห่งสเวลล์ซองเกอร์!
ฝูงเอลเคียร์ถูกขับกล่อมให้สงบลงด้วยขลุ่ยของเขา นูนู่แอบเล็ดลอดออกไปสู่ดินแดนแห่งหิมะเบื้องนอก เด็กชายผู้เดียวดายมุ่งหน้าไปเพื่อท้าทายอสูรร้าย ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงตำนานเล่าขานอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อนเลยจริง ๆ
นานมาแล้ว ชนเผ่าที่เก่าแก่และทรงเกียรติซึ่งเคยปกครองขุนเขาแห่งเฟรย์ลยอร์ดอย่างพวกเยติต้องเผชิญหน้ากับการล่มสลายของอารยธรรมท่ามกลางมหาภัยพิบัติเยือกแข็ง เมื่อเวทมนตร์ถูกฉีกพรากออกไปพวกเขาก็ทำได้เพียงต้องทนดูสายเลือดของพวกตนค่อย ๆ ถดถอยลงสู่ความป่าเถื่อนอย่างโหดร้าย เยติผู้หนึ่งจึงได้ปฏิญาณตนที่จะเฝ้าพิทักษ์พลังอำนาจสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ของพวกเขา—อัญมณีซึ่งสามารถยอกย้อนภาพความฝันเยือกแข็งแห่งจิตใจของทุกชีวิตที่อยู่ใกล้ออกมาดุจภาพฉาย
ในฐานะเยติคนสุดท้ายที่ยังคงมีเวทมนตร์หลงเหลืออยู่ ผู้พิทักษ์ได้ถูกหล่อหลอมด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ แม้ว่าเขาจะถูกเลือกขึ้นมาเพื่อเป็นผู้คุ้มครองวัตถุเวทมนตร์นี้เอาไว้จนกว่าผู้ที่ต้องการมันจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยพบว่าจะมีผู้ใดที่คู่ควรต่อพลังนั้นเลยแม้แต่น้อย ทุกผู้ทุกนามที่บุกรุกเข้ามายังซากมาตุภูมิของเขาล้วนมีเพียงความประสงค์อันดำมืดในหัวใจ… ดังนั้นสัตว์ร้ายก็จะต้อนรับผู้บุกรุกด้วยคมเขี้ยวและกรงเล็บเพียงเท่านั้น
แต่ผู้พิทักษ์เองก็รู้ดีว่ามีบางสิ่งที่เขาได้หลงลืมไป นามของตัวเขาเอง… และนามของเหล่าบุคคลอันเคยเป็นที่รักทั้งหลาย
ครั้งหนึ่ง บทเพลงนั้นเคยขับขาน
แล้วทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปในวันที่เด็กน้อยคนหนึ่งได้ล้มหน้าคะมำเข้ามาในซากโบราณสถาน ริมฝีปากนั้นแสยะแยกเขี้ยวขู่คำรามออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงการมาเยือนของเด็กมนุษย์ นานนับศตวรรษแห่งการระแวดระวัง อสูรร้ายพร้อมเสมอที่จะเด็ดชีพผู้บุกรุก
ทันใดนั้นเอง อัญมณีก็ได้ฉายภาพจากในจินตนาการของเด็กชายออกมา ภาพของวีรบุรุษผู้จัดการสังหารมังกรร้ายและตัดศีรษะของเจ้าอสรพิษโบราณตัวนั้นออกมาด้วยความกล้าหาญ เด็กชายกู่ร้องคำราม ตวัดกวัดแกว่งขลุ่ยของเขาราวกับว่ามันคือศาสตราอันตราย แต่จะอันตรายหรือไม่การจู่โจมนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะแม้ในยามที่ภาพฝันของเหล่าวีรชนเมามายห้อมล้อมอยู่รอบตัวเช่นนี้ เด็กชายก็ยังคงระลึกได้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในบทเพลงที่มารดาเคยขับขานเช่นกัน…
เมื่อเด็กชายมองลึกเข้าไปในตัวของผู้พิทักษ์ เขาไม่ได้มองเห็นอสูรร้าย เขามองเห็นแค่ใครคนหนึ่งที่ต้องการเพื่อนเท่านั้น
แม้จะยังคงเกรี้ยวกราด แต่เจ้าเยติไม่คาดฝันว่าสิ่งที่ลอยมากระทบผิวหน้าของเขากลับกลายเป็นเพียงลูกบอลหิมะลูกหนึ่ง และเมื่อลูกที่สองตามมาหลังจากลูกแรกเขาก็ยิ่งประหลาดใจ สงครามบอลหิมะ! จากโทสะเปลี่ยนเป็นความสับสน และในที่สุดก็กลายเป็นความหรรษา ผู้พิทักษ์โดดเข้าร่วมวงด้วย ไม่ใช่เพื่อคุกคามอีกฝ่ายแต่เพียงแค่ถูกลากไปตามจินตนาการของเด็กชายเท่านั้น สัตว์ร้ายค่อย ๆ เป็นมิตรมากขึ้นทีละน้อย ลดการป้องกันลงทีละน้อย ปล่อยให้เสียงคำรามสะท้านขวัญเปลี่ยนผันกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะร่าเริง
จนกระทั่งเจ้าสัตว์ร้ายบังเอิญทำให้ขลุ่ยของเด็กชายหักนั่นแหละ
เมื่อน้ำตาของเด็กชายเริ่มเอ่อขึ้นมา ผู้พิทักษ์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าแห่งเผ่าพันธุ์ของเขาที่ก่อร่างโอบล้อมอยู่รอบ ๆ อัญมณี นานนับศตวรรษที่เขาได้เฝ้ามองดูมันถ่ายทอดภาพจุดจบแห่งผู้คนของเขา—อันตรายที่ถูกฝังเอาไว้ การทรยศของผู้มืดบอด—และบัดนี้ จากภาพเดิมๆ ที่เคยได้เห็น กลับกลายเป็นภาพของขบวนคาราวานที่กำลังลุกไหม้เป็นไฟ เขาสดับได้ถึงเสียงของบางสิ่งในสายลม รับรู้ถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของเด็กชาย บางสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากมนุษย์คนใดมาก่อน ไม่แม้แต่จากสามสาวพี่น้องที่เคยมาเยือนที่นี่เมื่อนานแสนนานมาแล้ว มันคือความรัก ความรักที่กำลังพยายามต่อสู้ต้านทานความสิ้นหวัง
ในช่วงเวลานั้นเอง ผู้พิทักษ์ก็รู้ได้ทันทีว่าความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเฟรย์ลยอร์ดนั้นขึ้นอยู่กับพลังที่ในตอนนี้มันอยู่ในตัวของเด็กชายเรียบร้อยแล้ว เวทมนตร์ที่เขาเฝ้าพิทักษ์มาตลอดนั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือ สิ่งสำคัญที่แท้จริงคือหัวใจที่จะสามารถชักนำปั้นแต่งพลังเวทมนตร์นั้น และด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว พลังเวทมนตร์ก็ถูกถ่ายทอดจากอัญมณีสู่ร่างของเด็กชาย กลายเป็นพลังที่จะสามารถรังสรรค์จินตนาการของเขาให้กลายเป็นจริงได้ เพื่อซ่อมแซมขลุ่ยที่เสียหาย แช่แข็งมันไว้ด้วยความฝันจนแปรเปลี่ยนกลายเป็นทรูไอซ์
และเพื่อให้เด็กชายได้ผูกพันเป็นเพื่อนแท้กับสหายผู้มีนามว่า “วิลลัมป์”
สองสหายโลดแล่นทะยานสู่ท้องทุ่งแห่งที่ราบของชาวเฟรลยอร์ เมื่อหัวใจของนูนู่และพละกำลังของวิลลัมป์อยู่เคียงคู่กัน พวกเขาจะสามารถไล่ตามสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทำได้ตามลำพังก่อนหน้านี้: การออกผจญภัย! ก้าวเดินไปตามบทเพลงที่มารดาของนูนู่ได้ขับขานเอาไว้ พวกเขาดั้นด้นฝ่าฟันไปยังทุกหนแห่ง จากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง โอบกอดความหวังว่าเธอผู้เป็นเจ้าของบทเพลงจะยังคงมีชีวิตอยู่ที่ใดที่หนึ่งข้างนอกนั่น
แต่วิลลัมป์รู้ดีว่าพลังเวทแห่งความฝันนั้นถูกถ่ายทอดมาพร้อมกับภาระหน้าที่บางอย่าง สักวันหนึ่งเรื่องราวแสนสนุกเหล่านี้จะต้องจบลง เมื่อน้ำแข็งอันมืดมิดที่ใจกลางแห่งเฟรย์ลยอร์ดเองก็กำลังค่อย ๆ ละลายลงทีละน้อย ทีละน้อย
ที่มา (https://universe.leagueoflegends.com/th_TH/story/champion/nunu)