เรื่องย่อ Renekton the Butcher of the Sands
เรอเน็คตันเป็นชาว Shurima โดยกำเนิด เรอเน็คตันมีพี่น้องร่วม 2 คนคือ เรอเน็คตันเเละนาซัส ทั้งสองมีความต่างกันอย่างมากโดย เรอเน็คตันจะชอบการทะเลาะวิวาทส่วนนาซัสจะชอบศึกษาหาความรู้อยู่ตลอด เรอเน็คตันชื่นชมเเละรักในตัวนาซัสผู้เป็นพี่ชายอย่างมาก เรอเน็คตันได้เข้าร่วมเป็นนักรบในสงครามหลายๆศึกร่วมกับนาซัสโดยมีนาซัสเป็นนายพล ช่วงเวลาหนึ่งหลังผ่านการรับใช้ Shurima มานับพันปี นาซัสได้ล้มป่วยโดยหมอประจำเมืองได้บอกไว้ว่าเขาอยู่ได้อีกไม่นาน องค์จักรพรรดิถึงขั้นยอมขอร้องเเก่องค์เทพสุริยะให้รับนาซัสเข้าเป็นเทพจุติเพื่อรักษาอาการ เรอเน็คตันผู้เป็นน้องชายรักพี่ชายของเขามากจึงยอมอุ้มร่างของนาซัสเดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าพิธีสุริยะ โดยเตรียมใจอยู่เเล้วว่าต้องตาย เเต่กลับกันเพราะทั้งเขาเเละพี่ชายต่างก็ได้ก้าวเข้าสู่การกลายเป็นเทพจุติทั้งคู่ โดยนาซัสมีลักษณะส่วนหัวเป็นสุนัขเเละเรอเน็คตันมีลักษณะคลายกับจระเข้ หลังผ่านการทำพิธีไป เรอเน็คตันได้เข้าทำศึกเเละได้รับชัยชนะมาโดยตลอดเเต่การกระทำของเขากลับทำให้นาซัสผู้เป็นพี่ชายผิดหวังเพราะนาซัสไม่ได้ชอบการทำสงครามหรือการสู้รบเลยเเม้เเต่น้อย สีหน้าของนาซัสทำให้จากการปะทะกันระหว่างน้องชายเเละพี่ชายต้องจบลงโดยที่เป็นฝ่ายเรอเน็คตันยอมถอยเพราะความรักที่มีต่อพี่ชาย
ชีวประวัติ Renekton the Butcher of the Sands
เรอเน็คตันเกิดมาเพื่อต่อสู้ เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ยังเด็กว่าเขาไม่เคยกลัวเกรงสิ่งใดและมักไปมีเรื่องกับเด็กที่อายุมากกว่าตนเองหลายปี ความทะนงตนของเขามักนำพาให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทเหล่านี้ เนื่องด้วยเรอเน็คตันเป็นคนที่ถอยไม่เป็นและไม่ยอมปล่อยผ่านหากโดนใครดูหมิ่น ในขณะที่นาซัสผู้เป็นพี่ชายของเขาไม่เห็นด้วยกับการเที่ยวไปมีเรื่องต่อยตีตามถนน แต่เรอเน็คตันกลับโปรดปรานชื่นชอบ
ในที่สุดนาซัสก็ได้ไปศึกษาต่อในวิทยาลัยสุริยะอันทรงเกียรติและเรื่องต่อยตีวิวาทของเรอเน็คตันก็ยิ่งหนักข้อรุนแรงขึ้น ด้วยหวั่นใจว่านิสัยชอบใช้ความรุนแรงจะทำให้น้องชายลงเอยด้วยการถูกคุมขังหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร นาซัสจึงช่วยให้เขาได้บรรจุเป็นทหารในกองทัพชูริม่า ตามระเบียบทางการแล้วนั้น เรอเน็คตันยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ แต่นาซัสได้จัดการให้ประเด็นนี้ถูกมองข้ามไปโดยง่าย
การใช้ชีวิตภายใต้ระเบียบวินัยของกองทัพนับว่าเป็นสิ่งที่ดี เรอเน็คตันได้ร่วมสู้ศึกพิชิตดินแดนเพื่อขยายอาณาเขตของจักรวรรดิ ความโหดเหี้ยมและทรหดของเขายังคงเด่นชัด แต่เกียรติยศและความกล้าหาญของเขาเริ่มกลายเป็นที่เลื่องลื่อขึ้นมา นาซัสซึ่งในตอนนี้ดำรงตำแหน่งนายพลและเสนาธิการผู้เกรียงไกรมักพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเขาเป็นผู้วางแผนยุทธการสำหรับศึกครั้งใหญ่มากมายก็จริง แต่เรอเน็คตันคือผู้ที่คว้าชัยในศึกเหล่านั้น
หลังจากปกป้องเมืองซูเร็ทต้าอันห่างไกลได้สำเร็จ เรอเน็คตันได้รับการประดับยศจากองค์จักรพรรดิให้ดำรงตำแหน่งนายร้อยและได้รับการขนานนามว่า “นายทวารผู้พิทักษ์แห่งชูริม่า” เรอเน็คตันและกองกำลังขนาดย่อมของเขาได้เผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูซึ่งมีกำลังพลมากกว่าถึงสิบเท่า ณ ภูเขาอันห่างไกลที่เต็มไปด้วยหินและเป็นเส้นทางสู่แดนใต้เพื่อถ่วงเวลาให้ชาวเมืองอพยพหนี มันเป็นศึกที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเรอเน็คตันจะรอดชีวิตมาได้ ยิ่งเรื่องชัยชนะยิ่งไม่ต้องพูดถึง… แต่ทว่าเขากลับสามารถยื้อต้านไว้ได้นานพอจนกระทั่งกองกำลังช่วยเหลือซึ่งนำทัพโดยนาซัสมาถึง และกองกำลังฝ่ายศัตรูที่บุกมารุกรานก็พ่ายแพ้ไป
ตลอดเวลาหลายสิบปีที่รับใช้ทำหน้าที่ ชื่อเสียงของเรอเน็คตันเกริกไกรจนถึงขั้นที่เทียบได้กับเหล่านักรบเทพแห่งเหล่าเทพจุติ การปรากฏตัวของเขาในสมรภูมิรบช่วยเสริมให้กำลังพลที่ร่วมรบฮึกเหิม และทำให้ฝ่ายศัตรูกลัวเกรง เขาเป็นทหารผ่านศึกวัยกลางคนผู้มีผมสีดอกเลาและบาดแผลจากการรบมากมายในตอนที่ได้ทราบข่าวว่าพี่ชายของเขาจวนจะถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
เขารีบเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงและพบนาซัสซึ่งอยู่ในสภาพที่ดูเหมือนเงาสีซีดของร่างในอดีตเนื่องด้วยฤทธิ์ของโรคร้ายที่ทำให้เขาผ่ายผอม มันเป็นโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาได้
ถึงกระนั้น ความยิ่งใหญ่ของนายพลผู้นี้ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนรับรู้ยกย่อง นอกจากความปรีชาสามารถด้านการทหารแล้ว นาซัสยังได้ทำนุบำรุงหอสมุดสำคัญๆ ของจักรวรรดิ และรวมรวมหรือแปลงานวรรณกรรมเอกของยุคโบราณไว้มากมาย นี่คือบุคคลที่ไม่อาจปล่อยให้จากไปได้และมีประกาศิตบัญชามาว่าเขาคือผู้ที่คู่ควรเข้าสู่พิธีเทพจุติ
ประชาชนทั้งเมืองมาชุมนุมร่วมกันเพื่อเป็นสักขีพยาน แต่ทว่านาซัสไม่มีเรี่ยวแรงจะปีนขึ้นไปสู่แท่นประกอบพิธีเบื้องหน้าจักรสุริยะอีกต่อไป เรอเน็คตันจึงอุ้มร่างพี่ชายไว้ในอ้อมแขนโดยไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของตนและก้าวขึ้นบันไดช่วงสุดท้ายพร้อมเตรียมใจไว้เต็มที่ว่าร่างของตนจะถูกทำลายสิ้นหากทำเช่นนี้ เขาเป็นเพียงนักรบเท่านั้น และเขารู้ดีว่าชูริม่าจำเป็นต้องมีนาซัสต่อไปในอนาคต
แต่ทว่าร่างของเรอเน็คตันกลับไม่ถูกทำลาย ภายใต้ประกายรัศมีอันเจิดจ้าของจักรสุริยะนั้น พี่น้องทั้งสองได้ลุกขึ้นมาในร่างใหม่ และเมื่อแสงนั้นจางลงไป ได้ปรากฏร่างของนักรบเทพเจ้าผู้ทรงพลังสองรายยืนอยู่เบื้องหน้าฝูงชน นาซัสอยู่ในร่างเพรียวและมีศีรษะเป็นสุนัขแจ็กคัล ส่วนเรอเน็คตันมีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดมหึมา สุนัขแจ็กคัลมักถูกมองว่าเป็นฉลาดและเจ้าเล่ห์ที่สุดในหมู่สัตว์ทั้งหลาย และความดุดันกราดเกรี้ยวไม่หวั่นเกรงใดๆ ก็เหมาะสมกับเรอเน็คตันอย่างไร้ที่ติ
เรอเน็คตันเคยเป็นวีรบุรุษที่มีพละกำลังแข็งแกร่งมาก่อน แต่ในตอนนี้เขามีพลังที่เหนือขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์ เขานำกองทัพของชูริม่าครองชัยในสงครามนองเลือดมากมายโดยไม่เคยคาดหวังหรือมอบความปรานี ตำนานของเขาเลื่องลือไปไกลข้ามเขตแดนของจักรวรรดิ และบรรดาศัตรูทั้งหลายต่างก็รู้จักเขาในฐานะ “นักฆ่าแห่งทะเลทราย” ซึ่งเป็นฉายาที่เขายินดีรับไว้
แต่ผู้คนจำนวนหนึ่งซึ่งรวมถึงนาซัสด้วยที่เชื่อว่าเรอเน็คตันได้สูญเสียความเป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งไปในระหว่างการแปรเปลี่ยนสภาพที่เกิดขึ้นนี้ เขาดูเหี้ยมโหดกว่าเดิมและบันเทิงเริงใจกับการเข่นฆ่ายิ่งกว่าเดิม มีเสียงซุบซิบเรื่องสารพันความป่าเถื่อนอำมหิตในสนามรบ แต่กระนั้น เขาก็ยังทำหน้าที่ปกป้องชูริม่าอย่างแข็งขันและรับใช้จักรพรรดิองค์แล้วองค์เล่าด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี แม้กระทั่งในช่วงที่มีการก่อเหตุกบฏขึ้นโดยอิคาเธียและเกิดสงครามอันเลวร้ายตามมา
หลายปีต่อมา ได้มีการตัดสินใจให้จักรพรรดิหนุ่มอาซีร์เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองทัพเทพจุติและครองตำแหน่งผู้ปกครองอันเป็นอมตะตามที่ประชาชนของเขาคู่ควรจะได้รับ
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือหายนะครั้งใหญ่
ทั้งเรอเน็คตันและนาซัสต่างก็อยู่ห่างจากเมืองหลวงออกไปในระยะที่ใช้เวลาเดินทางมากกว่าหนึ่งวันเมื่อตอนที่เกิดเหตุวิปโยคนี้ขึ้น และเมื่อพวกเขากลับมาถึงก็พบเพียงว่าเมืองอันรุ่งโรจน์แห่งนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง จักรสุริยะกำลังพังทลายและถูกสูบพลังไปจนสิ้น ที่ตรงใจกลางโศกนาฏกรรมแห่งการฆ่าล้างนั้น พวกเขาเห็นเซรัธ นักเวทใจคดชั่วช้าขององค์จักรพรรดิซึ่งตอนนี้กลายสภาพเป็นร่างแห่งพลังอันชั่วร้ายโดยสมบูรณ์แล้ว
พี่น้องทั้งสองต่อสู้สุดกำลัง แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจพิฆาตเซรัธได้สำเร็จ ในที่สุด เรอเน็คตันได้เข้าโรมรันกับเซรัธและลากเขาลงไปที่สุสานแห่งเหล่าจักรพรรดิซึ่งอยู่ใต้เมืองและร้องขอให้พี่ชายผนึกขังพวกเขาไว้ในนั้น ด้วยตระหนักว่าไร้หนทางอื่นใด นาซัสจึงจำใจทำตามที่น้องชายสั่ง
เซรัธและเรอเน็คตันยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง ต่างฝ่ายต่างลอบตามกันและกันยาวนานหลายศตวรรษจนเกินนับท่ามกลางห้วงลึกอันมืดมิดในขณะที่อารยธรรมของชูริม่าซึ่งครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองกลับสลายกลายเป็นเพียงธุลีในโลกเบื้องบน เซรัธถากถางศัตรูคู่อริของเขา พร่ำกระซิบถ้อยคำที่เปรียบดั่งยาพิษใส่หูของเรอเน็คตัน และแล้วพิษร้ายแห่งถ้อยคำเหล่านั้นก็เริ่มออกฤทธิ์ เขาหลอกให้เรอเน็คตันเชื่อว่านาซัสคิดริษยาในความสำเร็จของเรอเน็คตันและรีบฉวยโอกาสกำจัดเขาในทันใดเพื่อที่จะได้เสพสุขเปรมปรีดิ์กับชีวิตอมตะแต่เพียงผู้เดียว
สติของเรอเน็คตันเริ่มถูกบั่นทอนให้แตกร้าวทีละเล็กละน้อย เซรัธตอกลิ่มซ้ำย้ำลงไปที่รอยร้าวนั้นและบิดเบือนภาพแห่งความเป็นจริงและภาพจินตนาการที่เขารับรู้ให้ผิดเพี้ยนไป เมื่อสุสานแห่งเหล่าจักรพรรดิเปิดออกในท้ายที่สุดโดยพวกมนุษย์จอมโลภที่เที่ยวคุ้ยล่าสมบัติ เรอเน็คตันได้แผดเสียงร้องคำรามเดือดดาลและบุกทะยานออกไปสู่ผืนทะเลทราย เขาสูดอากาศใช้ประสาทสัมผัสดมหาร่องรอยกลิ่นของพี่ชาย
แต่ชูริม่าได้เปลี่ยนแปลงไปมากในระหว่างที่เขาหายไป กองทัพเทพจุติไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว ปล่อยพวกมนุษย์ทิ้งไว้ให้กระจัดกระจายอยู่กันเองโดยไร้ผู้นำ แม้เรอเน็คตันแทบจะไม่สนใจไยดีสิ่งเหล่านี้ แต่พวกนักล่าแห่งแดนทะเลทรายที่แสนอำมหิตและกระหายเลือดต่างก็พากันมาสวามิภักดิ์เขา… ทั้งที่ในบางครั้งเรอเน็คตันนั้นไม่อาจจำแนกมิตรและศัตรูออกจากกันได้ด้วยซ้ำไปในยามที่เขาคลุ้มคลั่งไร้สติซึ่งเกิดขึ้นอยู่เสมอ
และแม้จะมีบางช่วงที่เขาประพฤติตนดั่งวีรบุรุษผู้ทรงเกียรติและภาคภูมิคนเก่าในอดีต แต่บ่อยครั้งที่เรอเน็คตันกลับตกอยู่ในสภาพของสัตว์ร้ายที่คลั่งแค้นชิงชังและถูกครอบงำโดยความกระหายเลือดและการล้างแค้น
ที่มา (https://universe.leagueoflegends.com/th_TH/story/champion/renekton/)